กำเนิดสัญลักษณ์ใหม่แห่งสยาม สง่างามยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมสะกดคนทั้งโลก เริ่มก่อสร้างเดินหน้าโครงการ เพิ่มมูลค่าลงทุนรวมเป็น 50,000 ล้านบาท

ข่าวบริษัท - 01 กรกฎาคม 2557



กำเนิดสัญลักษณ์ใหม่แห่งสยาม สง่างามยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมสะกดคนทั้งโลก เริ่มก่อสร้างเดินหน้าโครงการ เพิ่มมูลค่าลงทุนรวมเป็น 50,000 ล้านบาท

- อภิมหาโครงการเมืองที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดที่ภาคเอกชนเคยทำมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทยประกาศเปิดชื่อ "ไอคอนสยาม" พร้อมรายละเอียดโครงการ สร้างสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย ที่จะเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

- มูลค่าการลงทุนรวม 50,000ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 40%โดยการผนึกกำลังของสยามพิวรรธน์-แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น-เครือเจริญโภคภัณฑ์

- ครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดกับการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติ "แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา" ที่ไอคอนสยามรวมพลังกับภาครัฐและภาคเอกชน กว่า 30 โครงการ เนรมิตพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายาว 10กิโลเมตร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของโลก

- อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค ที่สุดของความอลังการล้ำเลิศ คอนโดมิเนียมริมน้ำที่หรูหราสง่างาม 2 อาคาร และ 7 สิ่งแมหัศจรรย์ระดับโลก ที่พร้อมสะกดคนทั้งโลกให้หันมองประเทศไทย ไอคอนสยามรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่ง ที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่แห่งความเป็นเลิศ

วันนี้ พันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของโครงการที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจแห่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก และเป็นโครงการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ภาคเอกชนไทยเคยทำมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ได้ฤกษ์เปิดองค์ประกอบสำคัญของโครงการเป็นครั้งแรก พร้อมประกาศชื่อของแลนด์ มาร์คแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพมหานครแห่งนี้ โดยให้ชื่อว่า "ไอคอนสยาม"

โครงการที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่แห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย และคนไทยทั้งชาติ ซึ่งได้เดินหน้าเริ่มงานก่อสร้างแล้วแห่งนี้ ประกอบด้วย ศูนย์การค้าแห่งยุค ที่ล้ำเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2 อาคาร คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยมาตรฐานระดับโลกที่หรูหราสง่างามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 2 อาคาร และสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการขนานนามให้เป็น "7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม"

ทั้งนี้ ผู้พัฒนาโครงการเปิดเผยว่า คอนเซ็ปต์ของโครงการได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีมากจากการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าและการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ ส่งผลให้มีการขยายพื้นที่โครงการให้ใหญ่ขึ้น โดยการซื้อที่ดินที่อยู่ล้อมรอบโครงการเพิ่มเติม ทำให้ ณ ปัจจุบันโครงการมีขนาดพื้นที่ 50 ไร่ จากเดิมที่มีอยู่ 40 ไร่ และผลจากการขยายพื้นที่และต่อยอดโครงการ ทำให้มูลค่าการลงทุนของโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 40% เป็น 50,000 ล้านบาท จากเดิม 35,000 ล้านบาท ที่ประกาศไปเมื่อครั้งประกาศการตัดสินใจพัฒนาโครงการครั้งแรก

ไอคอนสยาม เมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ (The Icon of Eternal Prosperity) เป็นโครงการภายใต้การรังสรรค์ของสามพันธมิตรภาคเอกชนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของวงการธุรกิจไทย จึงเป็นหลักประกันได้ว่าโครงการจะกลายเป็นแลนด์มาร์คที่ยิ่งใหญ่ของประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพันธมิตรทั้งสาม ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหาร Mixed-use development ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่มีชื่อเสียง ผู้อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมครบวงจรสำหรับโครงการที่พักอาศัยระดับบนมากมาย รวมทั้งโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำของไทยที่มีการลงทุนในระดับโลก

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า "ไอคอนสยามจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทยในการเนรมิตโครงการที่ยิ่งใหญ่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ และตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย เพราะไอคอนสยามจะเป็นสถานที่ที่จะดึงดูดคนไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากเรากำลังจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ของคำว่าล้ำเลิศในทุกมิติ จะเป็นการสร้าง Paradigm ใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ รวบรวมทุกสรรพสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นที่สุดแห่งการอยู่อาศัย สินค้าและบริการที่ครบครัน นวัตกรรมในการอำนวยความสะดวกสบายและการสื่อสารที่ล้ำยุคอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไอคอนสยามจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชาวโลกชื่นชมให้สว่างไสวไปทั่วโลกอีกครั้ง"

ไอคอนสยามจะกลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำกับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมในระบบอื่น ซึ่งประกอบด้วย 2 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน กับอีก 3 โครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในอนาคต ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บีทีเอส) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง นอกจากนี้ไอคอนสยามยังสร้างท่าเรือสาธารณะ 2 ท่า ท่าเรือส่วนบุคคล 1 ท่าในพื้นที่โครงการ เพื่อเชื่อมต่อกับอีก 73ท่าเรือในรัศมี 10 กิโลเมตรบนแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเรือกว่า 650 เที่ยวต่อวัน ไอคอนสยามจะมีเรือ Ferry Boat รับส่งอีก 6 ลำ และบริการรถ Shuttle Busรับส่งระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้าธนบุรีอีกด้วย

ครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดกับการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติ "แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา"

"ไอคอนสยามจะเป็นผู้นำในการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยได้จัดทำ "แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา"ภายใต้ความร่วมมือของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีอีก 30โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินโครงการระหว่างปี 2555 ถึง 2563 รวมกันแล้วมีมูลค่าถึง 142,000ล้านบาท ผนึกกำลังพื้นที่ริมแม่น้ำสายนี้ตลอดระยะทางยาว 10กิโลเมตร ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะตอกย้ำให้แม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก"

ไอคอนสยามได้ทำการศึกษาศักยภาพของธุรกิจและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดระยะเวลา18เดือนที่ผ่านมา โดยได้ปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซต์ กรุงเทพ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพ เรือด่วนเจ้าพระยา เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ฯลฯ เพื่อวางแผนในการแลกเปลี่ยนลูกค้าและเอื้ออำนวยประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งกันและกัน อีกทั้งจะร่วมกันทำการตลาดในอนาคต เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจทั้งปวงบนแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเป็นปรากฏการณ์สุดยอดแห่งการผนึกกำลังร่วมพัฒนาโครงการเมืองที่สามารถประสานประโยชน์และสร้างศักยภาพสูงสุดให้แก่กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานครมีแนวคิดที่จะสร้างทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งไอคอนสยามจะเข้าไปมีส่วนร่วม และเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์นี้ โดยการสร้าง The River Park ให้เป็น Community Space ที่ใหญ่ที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาภายในโครงการ พร้อมกับเชื่อมต่อพื้นที่นี้ กับทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะเชื่อมกับที่ดินของธุรกิจที่อยู่ใกล้เคียง

"พื้นที่จัดกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำ และริเวอร์พาร์ค เนื้อที่กว่า 10,000 ตารางเมตร จะช่วยให้ผู้มาเยือนเข้าถึงและดื่มด่ำกับความงดงามของบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยพื้นที่ส่วนนี้จะรองรับการจัดงานระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ และการแสดงโชว์ระดับโลกในสถานที่ที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะทำให้ไอคอนสยามกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่อยู่ในตารางการแสดงของศิลปินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกทุกคน ที่จะมาเปิดการแสดงในเอเซีย"

แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายเกียรติยศที่ก่อกำเนิดประวัติศาสตร์และอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ซึ่งแผนแม่บท ICONSIAM River Master Vision จะช่วยจุดประกายให้ทั้งโลกต้องหันกลับมามองแม่น้ำสายนี้อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะจุดศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพมากที่สุด เพื่อเชิดชูภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่มีผู้คนอยากมาอยู่อาศัยมากที่สุดและเป็นจุดมุ่งหมายที่คนทั้งโลกอยากมาเยี่ยมชมมากที่สุดอีกด้วย

ไอคอนสยามตั้งอยู่บนพื้นที่ทำเลยุทธศาสตร์สำคัญของมหานครกรุงเทพฯ ขนาดใหญ่กว่า 50 ไร่ บนผืนดินที่งดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีด้านหน้าทอดยาวเลียบริมน้ำ และมีผืนน้ำโอบอุ้มทั้งสองฝั่งซ้ายขวาซึ่งมีระยะความยาวมากกว่า 400 เมตร เป็นที่ดินผืนใหญ่ชิ้นสุดท้ายที่ตั้งอยู่ใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

นางชฎาทิพกล่าวว่า "ไอคอนสยามตั้งอยู่ใจกลางของพื้นที่ที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ท่ามกลางโครงการที่พักอาศัยระดับบน ราว 200 โครงการ ประชากรในพื้นที่ที่รวมมากกว่า 3ล้านคน และมีโรงแรมที่เป็นที่รู้จักระดับโลกตั้งอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร ถึง 50 แห่ง รวมห้องพักกว่า 10,000 ห้อง อยู่ใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจย่านสีลมและสาทรเพียงห้านาที รวมถึงย่านการค้าอีกมากมายริมฝั่งแม่น้ำ และเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางสะดวกที่สุด โดยสามารถมายังโครงการได้ ทั้งรถไฟฟ้า รถยนต์ หรือทางเรือ รวมกว่า 650 เที่ยวต่อวัน และในอีก 3-5ปีข้างหน้า จะมีโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่สร้างเสร็จเพิ่มเติมในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย"

นางชฎาทิพกล่าวว่า ด้วยเป็นแผนงานที่มีขนาดใหญ่อลังการมากเช่นนี้ จะกลายเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนวิถีการเดินทางในกรุงเทพฯ โดยจะทำให้คนกรุงเทพฯ หันมาใช้การเดินทางทางน้ำแทนการใช้รถยนต์มากขึ้น เพื่อลดปัญหาการจราจร และการสิ้นเปลืองพลังงาน

วนประกอบสำคัญของโครงการ

นางสาวทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า "ไอคอนสยามจะเป็นโครงการที่เชิดหน้าชูตาที่สุดของกรุงเทพฯ เรากำลังสร้างโครงการไลฟ์สไตล์ที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ เปรียบ เสมือนเมืองใหม่ ซึ่งครบถ้วนไปด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และความงดงามทางวัฒนธรรมภายใต้มาตรฐานสูงสุดระดับสากล จนทำให้ทั่วโลกต้องหันมามองประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง"

"ไอคอนสยามอภิมหาโครงการเมือง มีขนาดพื้นที่ 750,000ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค พื้นที่525,000ตารางเมตร อาคารที่พักอาศัยริมน้ำระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 70ชั้น 1อาคาร และ 40ชั้น 1อาคาร นอกจากนี้ ยังมี '7สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม'ที่ไม่เคยมีมาก่อน ในประเทศไทย โดยทั้งหมดนี้สร้างขึ้นเพื่อให้ไอคอนสยามเป็นสถานที่นำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาปรากฎในโครงการและนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของโลกมารวมกันไว้ เพื่อให้โครงการไอคอนสยามเป็นโครงการระดับโลกอย่างแท้จริง กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติ และคนไทยจากทั่วประเทศจะต้องมาเยี่ยมชม"

"7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม" มีมูลค่ารวมกันกว่า10,000ล้านบาท อาทิ

- การแสดงสายน้ำผสมผสาน แสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดีย(Multi-Media Water-and-FireFeature)ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวมากกว่า 400เมตร ตระการตา ซึ่งจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวทุกคน

- พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาไทย

พิพิธภัณฑ์ที่จะรวบรวมสมบัติและความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาไทยมาจัดแสดงไว้ ณ ที่แห่งนี้ โดยความร่วมมือจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

คอนเซ็ปต์อาณาจักร 2 ศูนย์การค้าและความบันเทิงระดับโลก

นางชฎาทิพเปิดเผยว่า "ไอคอนสยามกำลังสร้างที่สุดของปรากฏการณ์ใหม่เพียงหนึ่งเดียว ที่มอบประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน โดยเฉพาะลูกค้าคนไทย จะได้เห็นคุณค่าของสิ่งดีๆและความดีงามทั้งปวงที่เป็นDNAของประเทศไทย และให้รู้สึกว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้วที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยในแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่นี้"

ไอคอนสยามจะนำเสนอ อาณาจักร 2 ศูนย์การค้าแห่งยุคที่นำความล้ำเลิศของสินค้าและบริการแบรนด์ไทยรวมกับแบรนด์ดังยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยแยกเป็นอาคาร Luxury และอาคาร Main Retail & Entertainment ที่มีบรรยากาศแตกต่างกัน มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน แต่ต่อเชื่อมการไหลเวียนของลูกค้ากันได้อย่างทั่วถึง

อาคาร Luxury จะมีพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ด้านหน้าอาคารทอดยาวกว่า 300 เมตรขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการรวบรวมที่สุดของแบรนด์ดังระดับโลกที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ Icons within Icon เป็นแห่งแรกโดยการเนรมิต Iconic Storeซึ่งเป็นนิยามใหม่แห่งวงการค้าปลีก ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและเอกลักษณ์ของแบรนด์อันเป็นมรดกตกทอด แสดงถึงศักยภาพของแต่ละแบรนด์อย่างเต็มที่นอกจากนี้อาคาร Luxury ยังรวมสุดยอดภัตตาคารหรูระดับ Michelin stars ชื่อดังจากประเทศต่างๆ

อาคาร Main Retail พื้นที่ 500,000 ตารางเมตร จะอยู่ติดกับถนนเจริญนคร เป็นสถานที่นำเสนอ ประสบการณ์แปลกใหม่ในหลากหลายมิติ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ของการสร้างพื้นที่ร้านค้าในรูปแบบที่ไม่มีใครเหมือน ในบรรยากาศ in door และ outdoor รวมแล้วกว่า 500 ร้านค้า 100ภัตตาคารจาก 30 ประเทศนำเสนอความแปลกใหม่ของสินค้าและบริการ อีกทั้งจะรวบรวมแบรนด์แชมป์เปี้ยนสุดยอดสินค้าและบริการไทยมาไว้อย่างครบครัน และยังมีพื้นที่พิเศษบน Rooftop Garden ซึ่งจะมี Sport Complex ขนาดใหญ่

ไอคอนสยามยังจะมีศูนย์การประชุมระดับโลก (World Class Auditorium) 3,500 ที่นั่งซึ่งสามารถจัดการประชุมนานาชาติ งานสำคัญของรัฐบาล งานแสดง Trade Exhibition ที่จะหมุนเวียนมาจากประเทศต่างๆ รวมทั้งสามารถรองรับโชว์อลังการจากบรอดเวย์และลอนดอนอย่างเต็มภาคภูมิ

ไอคอนสยามเป็นกลุ่มอาคารที่งามสง่า เปิดรับกับบรรยากาศและทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาที่โอบล้อมและดึงสายน้ำเข้ามาสร้างความชุ่มชื่นใจภายในอาคาร ผสมผสานกับงานศิลปะที่วิจิตรงดงามของศิลปินแห่งชาติ ในแขนงต่างๆ รวมถึงงานของศิลปินระดับโลก อันจะเป็นแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้มาเยี่ยมชมจากทั่วโลก อย่างไม่มีที่ใดเสมอเหมือน

ไอคอนสยามมุ่งที่จะต้อนรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยจากกรุงเทพมหานครทั้งสองฝั่งแม่น้ำ และลูกค้าคนไทยทั่วประเทศที่จะต้องมาเยี่ยมชม 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ยิ่งไปกว่านั้นจะเป็นแม่เหล็กที่ทรงพลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมชม และประทับใจกับประสบการณ์ของการให้บริการในแบบฉบับที่งดงามด้วยความเป็นไทยครบทุกมิติ

คอนเซ็ปต์ที่พักอาศัย

นางสาวทิพาภรณ์กล่าวว่า "Magnolias Waterfront Residences ที่ไอคอนสยามถือเป็นโครงการที่พักอาศัยเหนือระดับ ที่อยู่แถวหน้าของโลกจะสร้างมาตรฐานใหม่ของโครงการที่พักอาศัยในประเทศไทย ในแง่คุณภาพและความหรูหราที่สามารถติดต่อสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับชุมชนโลก ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระบบไฟเบอร์ออพติคที่ให้ความเร็วสูงสุดแห่งแรกในประเทศไทย FTTX (Fiber to Home)ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพสูงและดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วยเพื่อตอบสนองและรองรับการใช้ชีวิตในอนาคต และเปิดโอกาสให้ผู้พักอาศัยเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชนโลกแบบไร้รอยต่อ เพื่อรองรับชุมชนนานาชาติที่กำลังขยายตัว ทุกองค์ประกอบในโครงการล้วนถูกออกแบบโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ ความสะดวกสบาย และการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุด เฉกเช่น เดียวกับการอาศัยอยู่ ในลอนดอน โตเกียว หรือ นิวยอร์ก"

นางสาวทิพาภรณ์ กล่าวว่า "ที่พักอาศัยในโครงการได้รับการออกแบบที่ดึงเอาเอกลักษณ์และศิลปะอันล้ำค่าของไทยมาผสมผสานกับโมเดิร์นดีไซน์ที่เรียบหรูและลงตัว อยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งสองอาคารถูกออกแบบด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษกับทุกแง่มุมที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต(well-being)ความยั่งยืน (sustainability) และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เราออกแบบให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสธรรมชาติแบบ resort homeโดยมีพื้นที่สีเขียวเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถสัมผัสได้ทันทีที่เข้าถึงโครงการ และยังมีสวนที่ออกแบบให้เป็น pocket garden เพื่อความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ยังคงเอื้อประโยชน์กับชุมชนโดยการเชื่อมต่อทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปในขณะที่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยในโครงการ

นางสาวทิพาภรณ์ กล่าวว่าMagnolias Waterfront Residencesที่ไอคอนสยามมอบส่วนผสมที่ลงตัวซึ่งหาได้ยาก ด้วยคุณภาพที่เป็นเลิศ โดยเริ่มต้นจากการจัดวางทิศทางของอาคารให้ได้ประโยชน์จากธรรมชาติได้มากที่สุดเพื่อลดการใช้พลังงาน และให้ผู้พักอาศัยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ทำให้สุขภาพดีเข้ามาผสมผสานในงานออกแบบด้วย อาทิ เช่น

- การหมุนเวียนและการถ่ายเทอากาศที่สามารถลดอุณหภูมิของอากาศภายนอกก่อนไหลเวียนเข้าสู่ห้องพัก

- ระบบการกรองฝุ่นและการควบคุมความชื้น

- ทุกยูนิตมีระเบียงใหญ่ที่สามารถออกมาใช้ชีวิตใกล้ชิดแม่น้ำและอากาศบริสุทธิ์โดยมีการออกแบบอาคารและเปลือกอาคารให้มีลักษณะ self-shadingไม่ต้องกังวลเรื่องแดดและความร้อนแต่ยังคงได้รับอากาศบริสุทธ์และแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่

- ทุกยูนิตสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ

Magnolias Waterfront Residencesที่ไอคอนสยาม ได้นำเสนอมิติใหม่ของการอยู่อาศัยเหนือระดับในภาคพื้นเอเซียเป็นแห่งแรก กล่าวคือ เป็นการอยู่อาศัยท่ามกลางการคมนาคมในหลากหลายรูปแบบ มีความสะดวกในการใช้ชีวิตที่สุนทรีย์ไม่ว่าในด้านการจับจ่ายใช้สอยหรือใกล้แหล่งบันเทิงระดับโลก ศูนย์การประชุมและการแสดงนานาชาติ ฯลฯ ท่ามกลางอารยธรรมและวิถีชีวิตไทยบนศูนย์กลางแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งยังได้อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติเพื่อสุขภาพที่ดีได้ในทุกวันอีกด้วย

นางสาวทิพาภรณ์กล่าวว่า ความใส่ใจในการออกแบบโครงการไอคอนสยาม และการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืน ถือเป็นหลักการทำงานของเราที่ตั้งใจมอบสิ่งดีๆ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม ทั้งผู้พักอาศัยในโครงการและรวมถึงผู้อยู่อาศัยและชุมชนโดยรอบโครงการให้ได้รับประโยชน์ไปด้วยกัน

นายณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุโสประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มั่นใจว่าไอคอนสยามจะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเพราะมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นโครงการระดับโลกที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกันซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงเทพฯเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกเข้ามาพำนักท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย จะเป็นการเสริมศักยภาพให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและของโลก

ไอคอนสยามจะเป็นผู้นำในการจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างมาตรฐานในระดับสากล ด้วย ICONSIAM River Master Vision หรือ แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเหตุนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ ICONSIAM ซึ่งเป็นการลงทุนของ 3 บริษัทของคนไทย ที่สอดคล้องกับ ค่านิยมองค์กรของเครือเจริญโภคภัณฑ์ "3 ประโยชน์" กล่าวคือ การลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน สุดท้ายจึงเป็นประโยชน์ของบริษัท และนอกจากนี้ภายใต้การดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งยึดหลัก "การพัฒนาอย่างยั่งยืน" หรือ "Sustainable Development" เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ICONSIAMจะตอบโจทย์การพัฒนาประเทศไทยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้แก่ประเทศไทยในยุคโลภาภิวัตน์

ขณะนี้ โครงการไอคอนสยามได้เปิดรับจองพื้นที่ศูนย์การค้าและที่พักอาศัยแล้ว ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านทาง www.ICONSIAM.com โดยการก่อสร้างโครงการ มีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2560